ไทรม้า ลูกหมุน ระบายอากาศ พร้อมแผ่นฐาน ไทรม้า ลูกหมุน ร […]
Category Archives: จังหวัดนนทบุรี
จังหวัดนนทบุรี
จังหวัดนนทบุรี is the position for activity in post to be presented at the first rank on Google page search by the focus keyword in category.
จังหวัดนนทบุรี | ||||
---|---|---|---|---|
|
||||
พระตำหนักสง่างาม ลือนามสวนสมเด็จ เกาะเกร็ดแหล่งดินเผา วัดเก่านามระบือ เลื่องลือทุเรียนนนท์ งามน่ายลศูนย์ราชการ[1] |
||||
ข้อมูลทั่วไป | ||||
อักษรไทย | นนทบุรี | |||
อักษรโรมัน | Nonthaburi | |||
ชื่อไทยอื่น ๆ | เมืองนนท์ | |||
ผู้ว่าราชการ | สุจินต์ ไชยชุมศักดิ์[2] (ตั้งแต่ พ.ศ. 2562) |
|||
ข้อมูลสถิติ | ||||
พื้นที่ | 622.303 ตร.กม.[3] (อันดับที่ 75) |
|||
ประชากร | 1,246,295 คน[4] (พ.ศ. 2561) (อันดับที่ 15) |
|||
ความหนาแน่น | 2,002.71 คน/ตร.กม. (อันดับที่ 2) |
|||
ISO 3166-2 | TH-12 | |||
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด | ||||
ต้นไม้ | นนทรี | |||
ดอกไม้ | นนทรี | |||
สัตว์น้ำ | ปลาเทพา | |||
ศาลากลางจังหวัด | ||||
ที่ตั้ง | ภายในศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี 11000 | |||
โทรศัพท์ | 0 2580 0705-6 | |||
โทรสาร | 0 2580 0705-6 | |||
เว็บไซต์ | จังหวัดนนทบุรี | |||
แผนที่ | ||||
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย |
จังหวัดนนทบุรี เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางของประเทศไทย จัดตั้งขึ้นครั้งล่าสุดโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดนครนายก พุทธศักราช 2489 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 [5]
ปัจจุบัน จังหวัดนนทบุรีจัดเป็นพื้นที่ในเขตปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร มีขนาดเนื้อที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 75 ของประเทศ (รวมกรุงเทพมหานคร) แต่มีประชากรหนาแน่นที่สุดเป็นอันดับที่ 2 รองจากกรุงเทพมหานคร
เนื้อหา
ประวัติศาสตร์[แก้]
สภาพทั่วไปของจังหวัดนนทบุรีเป็นที่ราบลุ่มมีความอุดมสมบูรณ์ จึงมีผู้คนมาตั้งถิ่นฐานเป็นชุมชนหนาแน่นตามริมแม่น้ำเจ้าพระยามาตั้งแต่อดีต เช่น บ้านวัดชลอ บ้านวัดเขมา บ้านบางม่วง บ้านตลาดขวัญ บ้านบางขนุน เป็นต้น
สมัยอยุธยา[แก้]
หลักฐานการตั้งถิ่นฐานที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดนนทบุรีปรากฏที่วัดปรางค์หลวง[6] ตั้งอยู่ในตำบลบางม่วง อำเภอบางใหญ่ เป็นวัดที่มีพระปรางค์ลักษณะย่อมุมไม้ยี่สิบขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นหลักแก่ชุมชนชาวเมืองอู่ทองที่อพยพหนีโรคระบาดมาตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณนี้ก่อนจะมีการสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี[7] ชุมชนแห่งนี้ได้ขยายตัวและกระจัดกระจายออกไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ในบริเวณนี้ โดยมีชุมชนสำคัญอีกแห่งหนึ่งคือ บ้านตลาดขวัญ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ท้องที่จังหวัดนนทบุรีทั้งหมดในสมัยนี้ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา[8]
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2091 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยา จากเหนือวัดชลอไปทะลุใกล้วัดมูลเหล็ก (ปัจจุบันคือวัดสุวรรณคีรี เขตบางกอกน้อย) เพื่อใช้เป็นเส้นทางลัดในการเดินทางและเพื่อเพิ่มปริมาณแหล่งน้ำสำหรับการเกษตรในพื้นที่[9]
ในปีเดียวกันนั้น พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ กษัตริย์พม่าได้ยกกองทัพเข้าตีกรุงศรีอยุธยา ผลจากสงครามทำให้สมเด็จพระสุริโยทัยสิ้นพระชนม์บนคอช้าง เมื่อพม่ายกทัพกลับไป และกรุงศรีอยุธยาได้จัดการพระศพสมเด็จพระสุริโยทัยเรียบร้อยแล้ว สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงทรงปรับปรุงกิจการทหารให้มั่นคงกว่าเดิม พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเมืองใหม่ขึ้นอีกหลายเมือง รวมทั้งให้ยกฐานะหมู่บ้านตลาดขวัญขึ้นเป็น เมืองนนทบุรี ในปี พ.ศ. 2092[10] เนื่องจากมีราษฎรจำนวนมากหนีภัยสงครามครั้งนั้นไปอยู่ตามป่าเขาและไม่ยอมกลับพระนคร หากตั้งเมืองใหม่ขึ้นจะเป็นประโยชน์ต่อการเกณฑ์ไพร่พลเมื่อเกิดสงคราม นอกจากนี้ยังสามารถเป็นเมืองท่าและเมืองหน้าด่านของกรุงศรีอยุธยาได้อีกด้วย ที่ตั้งของเมืองนนทบุรีในครั้งแรกนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา มีวัดเทพอุรุมภังค์ (วัดหัวเมือง) เป็นเขตเหนือ (ปัจจุบันคือโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า) และมีวัดท้ายเมืองเป็นเขตใต้[11]
ต่อมาในปี พ.ศ. 2179 รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดตัดส่วนโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ใต้วัดท้ายเมืองไปทะลุออกหน้าวัดเขมา[10] (เดิมแม่น้ำเจ้าพระยาไหลวกเข้าไปทางบางกรวยและบางใหญ่) ซึ่งทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนทางเดินไหลเข้าคลองที่ขุดใหม่ กลายเป็นแนวแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าศาลากลางจังหวัดหลังเก่าในปัจจุบัน ส่วนแม่น้ำเดิมก็ตื้นเขินลงเป็นคลองอ้อม คลองบางกอกน้อย และคลองบางกรวยตามที่ปรากฏในปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2208 สมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีพระราชดำริว่า แนวแม่น้ำเจ้าพระยาที่สั้นลงจะทำให้ข้าศึกเข้าสู่กรุงศรีอยุธยาได้ง่ายขึ้น จึงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองนนทบุรีจากบ้านตลาดขวัญไปตั้งบริเวณปากคลองอ้อม บ้านบางศรีเมือง[10] (ที่ตั้งเมืองอยู่บริเวณนี้จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) และให้สร้างกำแพงเมืองรวมทั้งป้อมปราการขึ้น 2 ป้อม คือ “ป้อมแก้ว” ตั้งอยู่ที่บ้านตลาดแก้ว (สันนิษฐานว่าอยู่ที่วัดปากน้ำในปัจจุบัน) และ “ป้อมทับทิม” ตั้งอยู่บริเวณวัดเฉลิมพระเกียรติในปัจจุบัน[12] (ปัจจุบันกำแพงและป้อมถูกรื้อไปหมดแล้ว) ในช่วงนี้สภาพเศรษฐกิจของเมืองนนทบุรีมีความมั่นคงมาก ทั้งการค้าขายและการทำสวนผลไม้[12]
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2264 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดเกร็ดขึ้นตัดความโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงที่ไหลวกอ้อมไปทางบางบัวทอง[12] ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางการไหล ชายฝั่งทั้งสองข้างของคลองลัดเกร็ดถูกกัดเซาะให้ห่างออกจากกันมากขึ้น พื้นที่ตรงกลางที่มีน้ำล้อมรอบจึงกลายเป็นเกาะ เรียกว่า “เกาะเกร็ด”
ปี พ.ศ. 2307 ก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าเล็กน้อย พระเจ้ามังระ กษัตริย์พม่า โปรดเกล้าฯ ให้มังมหานรธาเป็นแม่ทัพเข้าตีเข้ากรุงศรีอยุธยาจากทางทิศใต้ ตีหัวเมืองรายทางเรื่อยมาจนถึงเมืองธนบุรีและเมืองนนทบุรี ก็เข้ายึดเมืองทั้งสองได้เช่นกัน พม่าแบ่งกำลังบางส่วนขึ้นมาตั้งค่ายอยู่บริเวณวัดเขมา ขณะนั้นมีเรือกำปั่นอังกฤษซึ่งมาค้าขายอยู่ที่เมืองธนบุรีได้อาสาช่วยรบโดยยิงปืนเข้าใส่ค่ายพม่าในเวลากลางคืน[13] แต่ในที่สุดก็สู้กองทัพพม่าไม่ได้ จึงล่องเรือหนีไป
จากนั้นกองทัพพม่าจึงบุกขึ้นไปทางทิศเหนือ เข้าล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2309 และเข้ายึดได้ในปี พ.ศ. 2310 ตลอดการสู้รบได้ส่งผลให้บ้านเมือง วัดวาอารามต่าง ๆ ถูกทำลายและทิ้งร้าง ชาวเมืองนนทบุรีต้องอพยพจากถิ่นที่อยู่เดิม ข้ามแม่น้ำไปหลบซ่อนในสวนบางกรวยและบางใหญ่เพื่อหนีภัยสงคราม[14]
สมัยรัตนโกสินทร์[แก้]
เมื่อบ้านเมืองได้รับการฟื้นฟูกลับสู่สภาพปกติในสมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ ชาวเมืองจึงค่อย ๆ ย้ายกลับสู่ถิ่นฐานเดิม พร้อมทั้งมีผู้คนจากถิ่นอื่นเข้ามาในพื้นที่ด้วย ได้แก่ ชาวมอญที่อพยพเข้ามาในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งถิ่นฐานที่ปากเกร็ด[14] และอีกครั้งหนึ่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมืองนนทบุรี เมืองปทุมธานี และเมืองนครเขื่อนขันธ์[15] นอกจากนี้ยังมีชาวไทยมุสลิมเมืองปัตตานีที่ถูกกวาดต้อนเข้ามาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช[15] และชาวไทยมุสลิมเมืองไทรบุรีที่เข้ามาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งสองพระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ชาวไทยมุสลิมเหล่านี้ตั้งถิ่นฐานที่บ้านท่าอิฐ (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอปากเกร็ด) และบ้านบางบัวทอง[15]
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนสร้อยชื่อเมืองจากเดิมคือ เมืองนนทบุรีศรีมหาสมุทร เป็น เมืองนนทบุรีศรีมหาอุทยาน[16] และต่อมาเปลี่ยนเป็น เมืองนนทบุรีศรีเกษตราราม[17] ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นนี้ เมืองนนทบุรีมีฐานะเป็นหัวเมืองชายทะเล สังกัดกรมท่า[18]
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงปฏิรูปการปกครองหัวเมืองต่าง ๆ เป็นการปกครองส่วนภูมิภาค เมืองนนทบุรี จึงจัดอยู่ในมณฑลกรุงเทพ แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอตลาดขวัญ อำเภอบางใหญ่ อำเภอบางบัวทอง และอำเภอปากเกร็ด[18] ส่วนศาลากลางเมืองนนทบุรีนั้นโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายจากปากคลองอ้อม บ้านบางศรีเมือง มาตั้งอยู่ที่ปากคลองบางซื่อใกล้วัดท้ายเมือง[18] จนกระทั่งปี พ.ศ. 2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนคำว่าเมืองเป็น “จังหวัด”[19] เมืองนนทบุรีจึงเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น จังหวัดนนทบุรี
นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2471 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายศาลากลางจังหวัดนนทบุรีมาตั้งที่โรงเรียนราชวิทยาลัย[20] ศาลากลางจังหวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการเมืองและศาลากลางจังหวัดนนทบุรีในอดีตลงมาทางทิศใต้ ปัจจุบันก็คือศาลากลางจังหวัดหลังเก่าบริเวณท่าน้ำนนทบุรีนั่นเอง
สมัยปัจจุบัน[แก้]
ในปี พ.ศ. 2474 ทางราชการได้ตัดถนนประชาราษฎร์[21] ขึ้นเป็นเส้นทางเชื่อมการคมนาคมระหว่างจังหวัดนนทบุรีกับจังหวัดพระนครสายแรก[22] และต่อมาจึงตัดถนนพิบูลสงครามเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นเป็นสายที่สอง[22] ในท้องที่ตำบลสวนใหญ่
เมื่อปี พ.ศ. 2486 เกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางราชการจึงยุบจังหวัดนนทบุรีลงเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ โดยโอนอำเภอเมืองนนทบุรีและอำเภอปากเกร็ดไปขึ้นกับจังหวัดพระนคร และโอนอำเภอบางกรวย อำเภอบางใหญ่ และอำเภอบางบัวทองไปขึ้นกับจังหวัดธนบุรี[22] จนกระทั่งนนทบุรีได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดอีกครั้งในปี พ.ศ. 2489[23] อำเภอต่าง ๆ จึงกลับมาอยู่ในเขตการปกครองของทางจังหวัดตามเดิม
ปี พ.ศ. 2499 กระทรวงมหาดไทยได้ยกกิ่งอำเภอไทรน้อยซึ่งแยกพื้นที่ปกครองจากอำเภอบางบัวทองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 ให้มีฐานะเป็นอำเภอไทรน้อย[24] จังหวัดนนทบุรีจึงมีเขตการปกครองรวม 6 อำเภอจนถึงปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2535 กระทรวงมหาดไทยย้ายศาลากลางจังหวัดนนทบุรีและหน่วยงานราชการอื่น ๆ ไปตั้งอยู่ที่ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลบางกระสอ และใช้เป็นที่ทำการมาจนถึงทุกวันนี้
ทำเนียบผู้ว่าราชการ[แก้]
รายนามผู้ว่าราชการเมืองนนทบุรีและผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี[25]
ลำดับ | ชื่อผู้ว่าราชการ | ระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง | ลำดับ | ชื่อผู้ว่าราชการ | ระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง |
---|---|---|---|---|---|
1 |
มหาอำมาตย์ตรี นายพันตรีพระยาไกรโกษา (ทัด สิงหเสนี)
|
ไม่ทราบข้อมูล | 2 |
หม่อมเจ้าขจรศุภสวัสดิ์
|
ไม่ทราบข้อมูล |
3 |
พระยาอินทราธิบดี (ทองย้อย เศวตศิลา)
|
ไม่ทราบข้อมูล | 4 |
พระยานนทบุรีศรีเกษตราราม (เล็ก บูรณฤกษ์)
|
พ.ศ. 2465–2469 |
5 |
พระยาศิริชัยบุรินทร์ (เปี่ยม หงสเดช)
|
พ.ศ. 2469–2476 | 6 |
พระยาบริหารเทพธานี (เฉลิม กาญจนาคม)
|
พ.ศ. 2476–2478 |
7 |
หลวงภูวนารถนราภิบาล (สนิท มหามุสิต)
|
พ.ศ. 2478–2480 | 8 | พ.ศ. 2480–2482 | |
9 |
หลวงอรรถเกษมภาษา (สวิง ถาวรพันธ์)
|
พ.ศ. 2482–2483 | 10 |
หลวงโยธีพิทักษ์ (โปร่ง สาทิศกุล)
|
พ.ศ. 2483–2484 |
11 |
นายสุทิน วิวัฒนะ
|
พ.ศ. 2484–2485 | 12 |
หลวงนรกิจบริหาร (แดง กนิษฐสุต)
|
พ.ศ. 2485–2489 |
13 |
นายลิขิต สัตยายุทธ์
|
พ.ศ. 2489–2491 | 14 |
ขุนบุรีภิรมย์กิจ (พริ้ม จารุมาศ)
|
พ.ศ. 2491–2499 |
15 |
นายประกอบ ทรัพย์มณี
|
พ.ศ. 2499–2503 | 16 |
นายสอาด ปายะนันทน์
|
พ.ศ. 2503–2510 |
17 |
นายแสวง ศรีมาเสริม
|
พ.ศ. 2510–2514 | 18 |
นายวิจิตร แจ่มใส
|
พ.ศ. 2514–2519 |
19 |
นายสุชาติ พัววิไล
|
พ.ศ. 2519–2521 | 20 |
นายศรีพงศ์ สระวาลี
|
พ.ศ. 2521–2524 |
21 |
นายฉลอง วงษา
|
พ.ศ. 2524–2526 | 22 |
ดร.สุกิจ จุลละนันท์
|
พ.ศ. 2526–2530 |
23 | พ.ศ. 2530–2534 | 24 |
นายทวีป ทวีพาณิชย์
|
พ.ศ. 2534–2536 | |
25 |
นายชัยจิตร รัฐขจร
|
พ.ศ. 2536–2537 | 26 |
นายสุจริต ปัจฉิมนันท์
|
พ.ศ. 2537–2539 |
27 | พ.ศ. 2539–2542 | 28 |
นายขวัญชัย วศวงศ์
|
พ.ศ. 2542–2544 | |
29 |
นายสาโรช คัชมาตย์
|
พ.ศ. 2544–2545 | 30 |
นายชาญชัย สุนทรมัฎฐ์
|
พ.ศ. 2545–2547 |
31 | พ.ศ. 2547–2549 | 32 |
นายเชิดวิทย์ ฤทธิประศาสน์
|
พ.ศ. 2549–2552 | |
33 |
นายวิเชียร พุฒิวิญญู
|
พ.ศ. 2552–2556 | 34 |
นายธนน เวชกรกานนท์
|
พ.ศ. 2556–2557 |
35 |
นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์
|
พ.ศ. 2557–2558 | 36 |
นายนิสิต จันทร์สมวงศ์
|
พ.ศ. 2558–2560 |
37 |
นายภานุ แย้มศรี
|
พ.ศ. 2560–2562 | 38 |
นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์
|
พ.ศ. 2562–ปัจจุบัน |
ภูมิศาสตร์[แก้]
ที่ตั้งและอาณาเขตติดต่อ[แก้]
จังหวัดนนทบุรีตั้งอยู่ในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือค่อนทางเหนือ 20 กิโลเมตร มีพื้นที่ปกครองทั้งหมด 622.303 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 388,939.375 ไร่ โดยมีพิกัดภูมิศาสตร์อยู่ละติจูดที่ 13 องศา 47 ลิปดาเหนือ ถึงละติจูดที่ 14 องศา 04 ลิปดาเหนือ และลองจิจูดที่ 100 องศา 15 ลิปดาตะวันออก ถึงลองจิจูดที่ 100 องศา 34 ลิปดาตะวันออก[26] และมีอาณาเขตจรดอำเภอและจังหวัดข้างเคียงเรียงตามเข็มนาฬิกา ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอลาดหลุมแก้ว และอำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับเขตดอนเมือง เขตหลักสี่ และเขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร (ฝั่งพระนคร)
- ทิศใต้ ติดต่อกับเขตบางพลัด เขตตลิ่งชัน และเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร (ฝั่งธนบุรี)
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอพุทธมณฑลและอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม
ลักษณะภูมิประเทศ[แก้]
จังหวัดนนทบุรีเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีแม่น้ำไหลผ่าน จึงแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งตะวันตก มีพื้นที่ 3 ใน 4 ของจังหวัด พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มมีน้ำท่วมถึง มีคูคลองขนาดต่าง ๆ เชื่อมโยงกันหลายสายเหมือนใยแมงมุม มีการทำเรือกสวนไร่นา และฝั่งตะวันออกมีพื้นที่ 1 ใน 3 ของจังหวัด ได้แก่พื้นที่ในเขตเทศบาลนครนนทบุรีและเทศบาลนครปากเกร็ด เป็นเขตเมืองมีประชากรอยู่อย่างหนาแน่น อาจถือได้ว่าส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งของเมืองหลวง เพราะเขตแดนระหว่างนนทบุรีกับกรุงเทพมหานครนั้นแทบจะไม่เป็นที่รู้จัก
ลักษณะภูมิอากาศ[แก้]
สภาพภูมิอากาศของจังหวัดนนทบุรีเป็นแบบร้อนชื้นเช่นเดียวกับจังหวัดอื่น ๆ ในภาคกลางของประเทศ
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด[แก้]
- ตัวอักษรย่อ จังหวัดนนทบุรีใช้อักษรย่อ “นบ”
- คำขวัญประจำจังหวัด พระตำหนักสง่างาม ลือนามสวนสมเด็จ เกาะเกร็ดแหล่งดินเผา วัดเก่านามระบือ เลื่องลือทุเรียนนนท์ งามน่ายลศูนย์ราชการ
- ตราประจำจังหวัด รูปหม้อน้ำลายวิจิตร หมายถึง ชาวจังหวัดนนทบุรีมีอาชีพทำเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งยึดถือเป็นอาชีพและมีชื่อเสียงมาช้านาน
- ต้นไม้ประจำจังหวัด ต้นนนทรี (Peltophorum pterocarpum)
- ดอกไม้ประจำจังหวัด ดอกนนทรี
- สัตว์น้ำประจำจังหวัด ปลาเทพา (Pangasius sanitwongsei)
การแบ่งเขตการปกครอง[แก้]
การปกครองส่วนภูมิภาค[แก้]
จังหวัดนนทบุรีแบ่งเขตการปกครองส่วนภูมิภาค (ตามกฎหมายลักษณะปกครองท้องที่) ออกเป็น 6 อำเภอ 52 ตำบล 424 หมู่บ้าน แต่หากไม่นับรวมหน่วยการปกครองในเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนครซึ่งยุบเลิกตำแหน่งกำนันและผู้ใหญ่บ้านแล้ว จะมีทั้งหมด 34 ตำบล 328 หมู่บ้าน[27] โดยอำเภอทั้ง 6 อำเภอของจังหวัดนนทบุรี มีรายชื่อและข้อมูลทั่วไปดังนี้
ลำดับ [# 1] |
ชื่ออำเภอ | ชั้น [28] |
พื้นที่ (ตร.กม.) |
ห่างจากตัวจังหวัด (ก.ม.)[29] |
ตั้งเมื่อ (พ.ศ.) |
ตำบล [# 2][30] |
หมู่บ้าน [# 3][30] |
ประชากร (คน)[4] |
แผนที่ |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | พิเศษ |
77.018 [31]
|
– | ไม่ปรากฏข้อมูล | 10 | 26 |
365,710
|
||
2 | 2 |
57.408 [32]
|
16.86
|
2447 [33] | 9 | 41 |
136,668
|
||
3 | 2 |
96.398 [34]
|
8.11
|
2464 [35] | 6 | 69 |
152,086
|
||
4 | 1 |
116.439 [36]
|
15.96
|
2445 [37] | 8 | 73 |
277,162
|
||
5 | 2 |
186.017 [38]
|
29.01
|
2499 [39] | 7 | 68 |
67,285
|
||
6 | 1 |
89.023 [40]
|
7.45
|
2427 [41] | 12 | 51 |
247,384
|
- ↑ เรียงตามรหัสเขตการปกครองของกรมการปกครอง
- ↑ รวมตำบลในเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนครด้วย
- ↑ เฉพาะหมู่บ้านนอกเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนคร (ทั้งเต็มหมู่และบางส่วน) เท่านั้น สำหรับจำนวนหมู่บ้านทั้งหมด ให้ดูในบทความของแต่ละอำเภอ
การปกครองส่วนท้องถิ่น[แก้]
พื้นที่จังหวัดนนทบุรีประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 46 แห่ง แบ่งตามประเภทและอำนาจบริหารจัดการภายในท้องที่ได้เป็น องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาล 19 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 26 แห่ง[42]
ลำดับ | ชื่อเทศบาล | พื้นที่ (ตร.กม.) |
ตั้งเมื่อ (พ.ศ.)[# 1] |
อำเภอ | ครอบคลุมตำบล | ประชากร สิ้นปี 2561 (คน)[4] |
||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ทั้งตำบล | บางส่วน | รวม | ||||||
เทศบาลนคร | ||||||||
1 | เทศบาลนครนนทบุรี | 38.90 [43] | 2538 [44] | เมืองนนทบุรี | 5 | – | 5 | 254,950 |
2 | เทศบาลนครปากเกร็ด | 36.04 [45] | 2543 [46] | ปากเกร็ด | 5 | – | 5 | 189,935 |
เทศบาลเมือง | ||||||||
1 | เทศบาลเมืองบางบัวทอง | 13.50 [47] | 2480 [48] | บางบัวทอง | 1 | 4 | 5 | 51,136 |
2 | เทศบาลเมืองบางกรวย | 8.40 [49] | 2545 [50] | บางกรวย | 2 | – | 2 | 43,453 |
3 | เทศบาลเมืองบางศรีเมือง | 6.36 [51] | 2549 [52] | เมืองนนทบุรี | 1 | 1 | 2 | 32,651 |
4 | เทศบาลเมืองพิมลราช | 15.08 [53] | 2557 [54] | บางบัวทอง | – | 1 | 1 | 45,674 |
5 | เทศบาลเมืองบางคูรัด | 19.70 [55] | 2562 [56] | บางบัวทอง | 1 | – | 1 | 39,590 |
6 | เทศบาลเมืองบางรักพัฒนา | 11.48 [57] | 2562 [58] | บางบัวทอง | – | 1 | 1 | 46,645 |
เทศบาลตำบล | ||||||||
1 | เทศบาลตำบลปลายบาง | 15.68 [49] | 2542 [59] | บางกรวย | 2 | 1 | 3 | 44,401 |
2 | เทศบาลตำบลบางม่วง | 1.67 [60] | 2542 [59] | บางใหญ่ | – | 3 | 3 | 5,812 |
3 | เทศบาลตำบลบางใหญ่ | 7.23 [61] | 2542 [59] | บางใหญ่ | – | 3 | 3 | 11,331 |
4 | เทศบาลตำบลไทรน้อย | 2.30 | 2542 [59] | ไทรน้อย | – | 2 | 2 | 2,557 |
5 | เทศบาลตำบลไทรม้า | 8.14 [49] | 2546 [62] | เมืองนนทบุรี | 1 | – | 1 | 22,690 |
6 | เทศบาลตำบลศาลากลาง | 14.78 [63] | 2551 [64] | บางกรวย | 1 | – | 1 | 17,095 |
7 | เทศบาลตำบลเสาธงหิน | 9.55 [65] | 2554 [66] | บางใหญ่ | – | 1 | 1 | 38,475 |
8 | เทศบาลตำบลบางเลน | 7.60 [67] | 2554 [68] | บางใหญ่ | – | 1 | 1 | 15,513 |
9 | เทศบาลตำบลบ้านบางม่วง | 11.21 [65] | 2554 [69] | บางใหญ่ | – | 1 | 1 | 16,962 |
10 | เทศบาลตำบลบางสีทอง | 5.80 [70] | 2556 [71] | บางกรวย | 1 | – | 1 | 10,952 |
11 | เทศบาลตำบลบางพลับ | 8.31 [72] | 2556 [73] | ปากเกร็ด | 1 | – | 1 | 10,026 |
- ↑ หมายถึงปีที่ได้รับการยกฐานะเป็นเทศบาลในระดับปัจจุบัน
ประชากร[แก้]
สถิติประชากรตามทะเบียนราษฎรจังหวัดนนทบุรี | ||
---|---|---|
ปี | ประชากร | ±% |
2554 | 1,122,627 | — |
2555 | 1,141,673 | +1.7% |
2556 | 1,156,271 | +1.3% |
2557 | 1,173,870 | +1.5% |
2558 | 1,193,711 | +1.7% |
2559 | 1,211,924 | +1.5% |
2560 | 1,229,735 | +1.5% |
2561 | 1,246,295 | +1.3% |
อ้างอิง:กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย[4] |
ตามข้อมูลจำนวนประชากรของสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2561 จังหวัดนนทบุรีมีประชากร 1,246,295 คน คิดเป็นอันดับที่ 15 ของประเทศ โดยแบ่งเป็นประชากรเพศชาย 581,620 คน และประชากรเพศหญิง 664,675 คน[4] นอกจากนี้ยังมีความหนาแน่นประชากรโดยเฉลี่ยถึง 2,002.71 คนต่อตารางกิโลเมตร ซึ่งมากเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศรองจากกรุงเทพมหานคร อำเภอที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดคืออำเภอเมืองนนทบุรี มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นถึง 4,748.37 คนต่อตารางกิโลเมตร รองลงไปได้แก่อำเภอปากเกร็ด อำเภอบางกรวย อำเภอบางบัวทอง และอำเภอบางใหญ่ ส่วนอำเภอที่ประชากรเบาบางที่สุดคืออำเภอไทรน้อยซึ่งมีความหนาแน่นประชากรเฉลี่ย 361.71 คนต่อตารางกิโลเมตร
ประชากรในจังหวัดนนทบุรีประกอบด้วยหลายเชื้อชาติทั้งไทย (มีจำนวนมากที่สุด มีอยู่ทั่วไปในจังหวัด) จีน มอญ (อพยพมาในสมัยกรุงธนบุรีและสมัยรัชกาลที่ 2) และมลายู (อพยพมาจากเมืองปัตตานีและไทรบุรี)[74] โดยส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา รองลงไปเป็นศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม และศาสนาอื่น ๆ จากการจัดเก็บข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน พ.ศ. 2561 ด้านศาสนา พบว่าประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 93.64 รองลงมานับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 6.02 ศาสนาคริสต์ร้อยละ 0.30 นอกนั้นนับถือศาสนาซิกข์ ฮินดู และอื่น ๆ รวมกันร้อยละ 0.04[75]
ศาสนา | 2543[74] | 2557[76] | 2559[77] | 2561[75] |
---|---|---|---|---|
พุทธ | 89.75% | 94.5% | 94.61% | 93.64% |
อิสลาม | 6.91% | 4% | 5.11% | 6.02% |
คริสต์ | 1.19% | 1% | 0.25% | 0.30% |
ซิกข์ | – | – | 0.01% | – |
อื่น ๆ | 2.15% | 0.5% | 0.01% | 0.04% |
เนื่องจากในปัจจุบัน นนทบุรีเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีทำเลที่ตั้งอยู่ในเขตปริมณฑลของเมืองหลวง มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง และมีความพร้อมด้านระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ส่งผลให้ชาวไทยจำนวนมากจากทุกภูมิภาคของประเทศพิจารณาย้ายถิ่นเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่เพื่อความสะดวกในการเดินทางเข้าไปทำงานหรือศึกษาในกรุงเทพมหานคร ดังนั้น ความพลุกพล่านและความหนาแน่นของประชากรในจังหวัดนนทบุรีจึงไม่แตกต่างกับกรุงเทพมหานครมากนัก โดยเฉพาะทางด้านตะวันออกของอำเภอบางกรวย อำเภอเมืองนนทบุรี และอำเภอปากเกร็ดซึ่งอยู่ติดกับเขตเมืองชั้นในและเขตเมืองชั้นกลางของกรุงเทพมหานคร
สถานที่สำคัญและสถานที่ท่องเที่ยว[แก้]
- อำเภอเมืองนนทบุรี
- ศาลากลางจังหวัดนนทบุรีหลังเก่า ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้ท่าน้ำนนทบุรี ตำบลสวนใหญ่ สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและเป็นที่ตั้งโรงเรียนราชวิทยาลัย ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โรงเรียนนี้ถูกยุบเลิกเนื่องจากประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ อาคารโรงเรียนจึงได้ใช้เป็นศาลากลางจังหวัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2471 เป็นอาคารตึกไม้ 2 ชั้น ทรงไทยประยุกต์ ประดับด้วยงานไม้ลายวิจิตร ทำด้วยไม้สักทั้งหลัง เมื่อส่วนราชการจังหวัดทั้งหมดได้ย้ายออกไปตั้งที่ศูนย์ราชการแห่งใหม่ริมถนนรัตนาธิเบศร์ กรมศิลปากรจึงได้ขึ้นทะเบียนศาลากลางแห่งนี้เป็นโบราณสถาน ปัจจุบันพื้นที่บางส่วนเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมและจัดแสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ รวมทั้งมรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของชาวนนทบุรี
- วัดเขมาภิรตารามราชวรวิหาร ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ในซอยพิบูลสงคราม 3 ถนนพิบูลสงคราม ตำบลสวนใหญ่ มีตำนานเล่าว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 แห่งกรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยและพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสถาปนาวัดนี้เป็นพระอารามหลวงชั้นโท สิ่งที่น่าสนใจในได้แก่ พระมหาเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอุโบสถที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะอยุธยา พระตำหนักแดงซึ่งเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี และพระที่นั่งมูลมณเฑียรซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้รื้อจากพระบรมมหาราชวังมาปลูกเป็นตึกไว้ที่นี่
- วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซอยบางศรีเมือง-วัดโบสถ์ฯ 4 ถนนบางศรีเมือง-วัดโบสถ์ฯ ตำบลบางศรีเมือง เป็นพระอารามหลวงชั้นโทที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2390 เพื่ออุทิศถวายแด่พระอัยกา พระอัยกี และสมเด็จพระราชชนนี (แต่มาแล้วเสร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) มีการผสมผสานศิลปะจีนตามพระราชนิยมไว้ในการก่อสร้างด้วย เช่น พระอุโบสถหลังคามุงกระเบื้องแบบจีน โดยมีจิตรกรรมฝาผนัง บานประตูและหน้าต่างเขียนลายทองรดน้ำ ส่วนพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยหล่อด้วยทองแดงทั้งองค์ มีพระนามว่า “พระพุทธมหาโลกาภินันทปฏิมา” นอกจากนี้ยังมีอาคารที่น่าสนใจอื่น ๆ เช่น พระวิหารหลวง (วิหารพระศิลาขาว) พระเจดีย์ทรงกลม (แบบลังกา) ศาลาการเปรียญหลวง กำแพงใบเสมาและป้อมปราการทั้งสี่มุมรอบวัด
- อุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ติดกับวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร ซอยบางศรีเมือง-วัดโบสถ์ฯ 4 ถนนบางศรีเมือง-วัดโบสถ์ฯ ตำบลบางศรีเมือง มีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในวโรกาสที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี อุทยานแห่งนี้นอกจากจะเป็นสวนสาธารณะที่มีทั้งร่มเงาและความเงียบสงบให้ผู้ที่ต้องการพักผ่อนแล้ว ยังมีศูนย์ศึกษาธรรมชาติ พืชพรรณ สัตว์ปีก และสัตว์น้ำนานาชนิดอีกด้วย อาคารที่โดดเด่นที่สุดคือ “วิมานสราญนวมินทร์” เป็นอาคารพลับพลาทรงไทยตั้งอยู่กลางสระน้ำของอุทยาน
- วัดปราสาท ตั้งอยู่ในซอยบางกร่าง 57 ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ตำบลบางกร่าง สร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จุดเด่นอยู่ที่ผนังพระอุโบสถที่มีลักษณะโค้งตกท้องช้าง สร้างแบบมหาอุด กล่าวคือ ผนังด้านข้างไม่มีหน้าต่าง มีเพียงช่องระบายลมเล็ก ๆ ตรงผนังด้านหลังเท่านั้น ผนังภายในตกแต่งด้วยจิตรกรรมสมัยอยุธยาตอนปลายโดยฝีมือของสกุลช่างศิลปะนนทบุรี ปัจจุบันถือว่าเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เก่าแก่ที่สุดของจังหวัดซึ่งแม้จะเลือนหายไปมากแต่ก็ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างถูกวิธี นอกจากนี้ ที่ศาลาการเปรียญยังมีธรรมาสน์ที่มีลวดลายสวยงาม มีอายุตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลายเช่นเดียวกัน ดังนั้น วัดแห่งนี้จึงคุ้มค่าต่อการเข้าเยี่ยมชมและการศึกษาทางโบราณคดีอย่างยิ่ง
- วัดตำหนักใต้ ตี่งอยู่ที่ซอยนนทบุรี 27 ถนนนนทบุรี 1 ตำบลท่าทราย ตามตำนานเล่าว่าก่อนที่จะมีการสร้างวัด พื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นพลับพลาที่ประทับชั่วคราวของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมาก่อน สันนิษฐานว่าพระวิหารและหอระฆังสร้างขึ้นในราวปี พ.ศ. 2367 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
- วัดชมภูเวก ตั้งอยู่ที่ซอยนนทบุรี 33 ถนนนนทบุรี 1 ตำบลท่าทราย มีชื่อเดิมว่า “วัดชมภูวิเวก” เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีความเงียบสงบมาก ชาวมอญเป็นผู้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2300 (สมัยอยุธยาตอนปลาย) ปัจจุบันยังคงมีจิตรกรรมฝาผนังพระวิหารและพระอุโบสถที่งดงามหลงเหลืออยู่ รวมทั้งซึ่งเป็นหมู่เจดีย์แบบมอญ (เรียกว่า “พระมุเตา”) ที่สร้างโดยพระสงฆ์มอญเมื่อปี พ.ศ. 2460
- วัดโชติการาม ตั้งอยู่ที่ซอยบางไผ่ ซอย 4 ถนนบางไผ่พัฒนา-แยกวัดรวก ตำบลบางไผ่ มีชื่อเดิมว่า “วัดสามจีน” สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2350 สิ่งที่สวยงามที่สุดในวัดนี้คือ พระวิหารทรงโรงที่มีจิตรกรรมฝาผนังทั้งสี่ด้าน โดยเขียนภาพตั้งแต่พื้นขึ้นไปจรดเพดาน นอกจากนี้ยังมีพระอุโบสถทรงเรือสำเภาแบบอยุธยาตอนปลายอีกด้วย
- อำเภอบางกรวย
- วัดบางไกรใน ตั้งอยู่ที่ถนนวัดโพธิ์เอน-วัดบางไกรใน ตำบลบางขุนกอง สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย ตามประวัติกล่าวว่า ลูกหลานของนายไกร (ไกรทอง) ได้สร้างวัดขึ้นในบริเวณนี้เพื่ออุทิศแก่นายไกร ชาวสวนเมืองนนทบุรีผู้ปราบจระเข้ชาละวันแห่งเมืองพิจิตรลงได้ จุดเด่นของวัดอยู่ที่อุโบสถเก่าซึ่งมีอายุกว่า 300 ปี โครงหลังคาสร้างด้วยไม้สักทอง หน้าบันเป็นไม้สักฉลุลวดลาย บานประตูด้านหน้ามีภาพเขียนสีรูปทวารบาลถืออาวุธด้ามยาว ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไกรรัตนนายก (หลวงพ่อโต) มีศาลนายไกรทองตั้งอยู่ข้างอุโบสถเก่า
- วัดชลอ
- วัดโพธิ์บางโอ
- ตลาดน้ำบางคูเวียง
- ตลาดน้ำวัดตะเคียน
- อำเภอบางใหญ่
- วัดปรางค์หลวง
- วัดอัมพวัน
- วัดสวนแก้ว
- อำเภอบางบัวทอง
- วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์ เป็นวัดในความอุปถัมภ์ของคณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ถนนเทศบาล 9 ตำบลโสนลอย สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเนื่องในวโรกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี 9 มิถุนายน พ.ศ. 2539 ในบริเวณวัดประกอบด้วยวิหารต่าง ๆ ที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมตามแนวปรัชญาและคติธรรมทางศาสนาพุทธจีนนิกายฝ่ายมหายาน เช่น วิหารพระกวนอิมโพธิสัตว์ วิหารหมื่นพุทธเจ้า เป็นต้น
- อำเภอไทรน้อย
- ตลาดน้ำไทรน้อย
- วัดไทรใหญ่
- วัดเสนีวงศ์
- วัดคลองขวาง
- หมู่บ้านบอนสีเฉลิมพระเกียรติ
- โรงเรียนวัดมะสงมิตรภาพที่ 55
- อำเภอปากเกร็ด
- สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ นนทบุรี เป็นสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี 80 พรรษา ลำดับที่ 11 ตั้งอยู่ที่หนองปรือ หมู่ที่ 3 ซอยศรีสมาน 4 ถนนศรีสมาน ตำบลบ้านใหม่ มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นน้ำ มีจักรยานน้ำให้เช่าถีบ สวนโดยรอบจัดปลูกพรรณไม้ยืนต้นเพื่อให้ความร่มรื่น รวมทั้งมีการจัดปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ไม้ล้มลุก และไม้ตัดพุ่มสลับสีเพื่อความสวยงาม นอกจากนี้ยังได้รวบรวมไม้ผลที่มีชื่อเสียงมาแต่โบราณของเมืองนนทบุรีมาจัดปลูกไว้ด้วย เช่น ทุเรียน กระท้อน มะปราง เป็นต้น
- เกาะเกร็ด
- คลองขนมหวาน
- ตลาดน้ำวัดแสงสิริธรรม
- วัดกู้
- วัดปรมัยยิกาวาส
- วัดเสาธงทอง
- วัดฉิมพลีสุทธาวาส
- วัดบางจาก
- วัดโปรดเกษ
- วัดท้องคุ้ง
- วัดสะพานสูง
การขนส่ง[แก้]
ระบบราง[แก้]
- รถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม
- รถไฟฟ้าสายสีชมพู (กำลังก่อสร้าง)
ท่าเรือ[แก้]
|
|
|
|
บุคคลที่มีชื่อเสียง[แก้]
- พระสงฆ์
- สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) – สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 9 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เสด็จสถิต ณ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
- พระราชธรรมนิเทศ (พยอม กลฺยาโณ) – เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จังหวัดนนทบุรี
- นักแสดง / นักร้อง / ผู้กำกับละคร
|
|
- นักการเมือง
|
|
- ผู้สื่อข่าว
- วาสนา นาน่วม – ผู้สื่อข่าวสายทหาร
- นักกีฬา
|
|
สวนใหญ่ เหล็กกล่องดำ : เหล็กกล่องชุบซิ้งค์ สวนใหญ่ เหล็ […]
บางไผ่ เหล็กกล่องดำ : เหล็กกล่องชุบซิ้งค์ บางไผ่ เหล็กก […]
บางเขน แผ่นใส สีขาวขุ่น : แผ่นเดียว ก็ขาย บางเขน แผ่นใส […]
บางศรีเมือง แผ่นใส ใสกระจก : แผ่นเดียว ก็ขาย บางศรีเมือ […]
บางรักน้อย ลอนฝ้า ลอนผนัง : แผ่นเดียว ก็ขาย บางรักน้อย […]
บางกร่าง หลังคาเมทัลชีท : แผ่นเดียว ก็ขาย บางกร่าง หลัง […]
บางกระสอ ลูกหมุน ระบายอากาศ พร้อมแผ่นฐาน บางกระสอ ลูกหม […]
ท่าทราย เหล็กกล่องดำ : เหล็กกล่องชุบซิ้งค์ ท่าทราย เหล็ […]
ตลาดขวัญ เหล็กกล่องดำ : เหล็กกล่องชุบซิ้งค์ ตลาดขวัญ เห […]